วางแผนดีและเร็วมีชัยไปกว่าครึ่ง!! วันนี้ แอสเซทไวส์ อยากชวนทุกคนมาเริ่มวางแผนการลงทุนเพื่อให้มีทรัพย์สินเป็นของตนเองได้ก่อนเกษียณสำหรับมนุษย์เงินเดือน
หลายคนคงมีข้อสงสัยมานาน วันนี้พลาดไม่ได้กับเคล็ดลับการลงทุน เพื่อให้มีเงินเหลือใช้ไม่ว่าคุณจะมีเงินเดือนมากน้อยแค่ไหนก็สำเร็จ สิ่งสำคัญ การเริ่มต้นวางแผนการลงทุนตั้งแต่วันนี้ แม้จะตั้งต้นด้วยจำนวนเงินเพียงเล็กน้อยก็สามารถงอกเงยเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ในอนาคต ถ้าพร้อมแล้วตามบทความนี้ไปหาคำตอบ
ก่อนอื่นเริ่มต้นสังเกตสิ่งใกล้ตัว มีอะไรบ้างที่ช่วยในการเก็บออมเงิน และลดค่าใช้จ่ายให้เราได้มากที่สุด
✅ ศึกษาและใช้สวัสดิการการออมของที่ทำงานให้เต็มสิทธิ
นั่นคือ “ออมก่อนใช้” นั่นเอง ยอมหักเงินออมจากเงินเดือน ไปออมก่อนนับเป็นวิธีการออมที่ดีที่สุด เช่น กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และสหกรณ์ออมทรัพย์ เป็นต้น
✅ ศึกษาการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เต็มที่ เช่น กองทุนประสังคมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะให้สิทธิประโยชน์ในการนำไปหักลดหย่อนภาษี รวมถึงการที่วางแผนภาษีด้านการออม และลงทุนเพิ่มเติม ทั้งในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และประกันชีวิต
✅ วางแผนออม และการลงทุนเพิ่ม
ตัวอย่าง : คุณเกรียงศักดิ์ อายุ 30 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ได้รับเงินเดือน 40,000 บาท และคาดว่าจะปรับขึ้น 5% ต่อปี จึงเลือกมีสวัสดิการเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) โดยจ่ายเงินสะสม 5% ของเงินเดือน และบริษัทจ่ายเงินสมทบให้ในอัตราที่เท่ากัน
แต่!! ถ้าการออมแบบที่ทำอยู่เห็นผลช้ากว่าที่ต้องการ แอสเซทไวส์ มีเคล็ดลับวางแผนการลงทุน ฉบับมนุษย์เงินเดือน เพื่อให้ทุกเดือนเก็บเงินได้เร็วขึ้น ลองศึกษาและเริ่มต้นลงทุน ลองดูวิธีต่อไปนี้
💡ตราสารหนี้
เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ให้สิทธิ์การเป็นเจ้าหนี้ แก่ผู้ลงทุน เหมาะกับคนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ ได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ
>> ข้อดี ผลตอบแทนที่ คือ ‘ดอกเบี้ย’ ตามระยะเวลาที่กำหนด และจะได้รับ ‘เงินต้นคืน’ เมื่อครบกำหนดอายุตราสาร มีความเสี่ยงต่ำ
>> ข้อควรระวัง หากมีภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลงหรือมีมูลค่าน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อได้ อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเงินหมุนเวียน
💡หุ้น
เป็นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ผลตอบแทนที่ได้ ในรูปแบบของเงินปันผลจากกำไร และส่วนต่างที่ได้จากการซื้อ-ขายหุ้น หากลงทุน และถือครองระยะยาวอาจให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 8 – 12% ต่อปี
>> ข้อดี มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากกว่า เริ่มต้นลงทุนได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก หุ้นสามารถนำมาค้ำประกันเพื่อกู้ยืมเงินไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้
>> ข้อควรระวัง ถึงจะเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องทางการเงิน แต่ก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงเช่นกัน เนื่องจากราคาหุ้นมีการปรับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสเสี่ยงขาดทุนสูง
💡กองทุนรวม
เป็นการรวมเงินลงทุนของนักลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ โดยมี บลจ. มืออาชีพ คอยบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน จุดเด่นตรงที่มีเงินน้อยก็ลงทุนได้ ด้วยความที่กองทุนรวมเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์หลายประเภท และหลายบริษัทที่ต่างกัน จึงเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัว
>> ข้อดี มนุษย์เงินเดือนที่เป็นนักลงทุนไม่ต้องดูแลจัดการการลงทุนเอง เนื่องจากมีผู้บริหารจัดการกองทุนที่คอยดูแลและปรับการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด และสามารถเลือกลงทุนตามวัตถุประสงค์หรือความสนใจ เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในกลุ่มพลังงานสะอาด
>> ข้อควรระวัง ราคากองทุนไม่ Update แบบ Real-Time ค่าธรรมเนียมบางกองทุนค่อนข้างแพง เราไม่สามารถเลือกกองทุนเองได้
💡ทองคำ
ทองคำ สามารถเป็นสินทรัพย์ลงทุนหลักในพอร์ตลงทุน และยังเป็นทางเลือกการลงทุนในสินทรัพย์อื่น เพื่อกระจายความเสี่ยง ผลตอบแทนจะมาจากส่วนต่างของราคาซื้อ – ขาย
>> ข้อดี ทองคำมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสินทรัพย์มั่นคงไม่เสื่อมค่าไปตามกาลเวลา ลงทุนแบบถือครองนานยิ่งได้กำไร
>> ข้อควรระวัง ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนคือ การลงทุนในทองคำแท่งและกองทุนรวมทองคำใช้เวลานานในการสะสมผลตอบแทน แต่ถ้าต้องการผลตอบแทนเร็วขึ้น สามารถเปลี่ยนไปลงทุนใน Gold ETFs และ Gold Futures แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์
💡อสังหาริมทรัพย์
สุดท้ายอย่ามองข้ามการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะทรัพย์สินประเภทที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม อาคารสำนักงาน โกดัง ใบจองอสังหาริมทรัพย์ หรือหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ต่างให้ผลตอบแทนได้หลายแบบและมั่นคง
>> ข้อดีคือ สามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายรูปแบบ เช่น ปล่อยเช่า ซื้อ – ขาย ใบจองอสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนในกองทุนหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์
>> ข้อควรระวัง ใช้เงินลงทุนที่สูง และพอเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงการซื้อ – ขายช้า ไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพคล่องต่ำและต้องการผลตอบแทนเร็ว รวมไปถึงปัจจัยภายนอกอย่างการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอสังหาริมทรัพย์หรือเศรษฐกิจมีการชะลอตัว อาจส่งผลให้กำลังซื้อและกำลังเช่าลดลง
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เราสามารถศึกษาจากผู้รู้ หรือจากพนักงานขายโครงการที่ให้คำแนะนำได้ เพราะเป็นการลงทุนด้วยรูปแบบ การซื้อ – ขายใบจอง ทั้งคอนโดโครงการใหม่ และซื้อโครงการพร้อมอยู่ เพื่อรับผลตอบแทนเป็นค่าเช่า
เลือกโครงการช่วยให้มีโอกาสในการปล่อยเช่าง่ายๆ วิเคราะห์ด้วยหลายปัจจัยนการตัดสินใจ เช่น ทำเลที่สะดวกในการเดือนทาง ใกล้แหล่งทำงาน ใกล้มหาวิทยาลัย ส่วนกลางของโครงการตอบโจทย์
สนใจการลงทุนกับ แอสเซทไวส์ กับโครงการใหม่ ทำเลที่น่าลงทุน
กับ 3 แบรนด์เคฟคอนโด ทำเลตอบโจทย์นักลงทุน ใกล้มหาลัย
- Kave Genesis ใจกลางนครปฐม ทำเลหน้าห้าง หลัง ม.ศิลปากร รายล้อมด้วยโรงพยาบาลชื่อดัง
- Kave Playground แค่พลิกตัวก็ถึงโรงเรียนบดินทรเดชา
- KAVE Luminous แลนด์มาร์คคอนโดใหม่ ใกล้ ม.พระจอมเกล้าฯ บางมด
Website Kave : https://bit.ly/4ab8ifq
สนใจโครงการโทร 02-1680000
Line OA : @assetwise