ไม่ต้องเที่ยวทิพย์กันแล้วนะ

เพียงคุณมาที่นี่  โครงการ แอทโมซ…….. มาลองใช้เวลาเดินเท้าภายในพื้นที่สีเขียวส่วนกลางสัก 15 นาทีในตอนเช้า หรือหามุมสงบๆ นั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ แล้วคุณจะค้นพบว่า… ธรรมชาติของที่นี่…เยียวยาทุกสิ่ง ถึงแม้ในช่วงโควิด-19 ที่ต้องถูกจำกัดการเดินทาง ทุกคนก็ยังโหยหาธรรมชาติ  พากันเที่ยวทิพย์ไปในที่ต่างๆ โดยเฉพาะชีวิตมนุษย์คนเมืองอย่างเรา ที่อยู่ท่ามกลางความเจริญทางวัตถุ ก็ยังปรารถนา…ต้องการพื้นที่สีเขียวมาเยียวยาทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เมื่องานวิจัยบอกว่าการอยู่ในพื้นที่สีเขียว                             ทำให้สุขภาพกายและสุขภาพใจดีขึ้น พบว่าการเดินเข้าไปในป่า 15 นาที จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่สามารถวัดได้ เช่น คอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ลดลง 16% ความดันโลหิตลดลง 2% และอัตราการเต้นหัวใจลดลง 4%         รวมถึงผลการศึกษาที่พบว่า “การให้พนักงานออฟฟิศได้ทำงาน  อยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียว จะช่วยให้พวกเขามีความสุข สุขภาพดีขึ้น และมีความพอใจในชีวิตมากขึ้น” มีพลังในการสร้างสรรค์และพร้อมขับเคลื่อนงานไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน          ซึ่ง “แอสเซทไวส์”  เราได้พิสูจน์แล้ว โดยพัฒนาพื้นที่สีเขียวภายในสำนักงาน  โดยผลลัพธ์ที่ได้ คือ พนักงานมีความสุขในการทำงาน มีพลังในการสร้างสรรค์และพร้อมขับเคลื่อนงานไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน  และด้วยเหตุผลนี้จึงถูกนำไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เน้นพื้นที่ส่วนกลางสีเขียวที่มากที่สุด               ภายใต้แบรนด์ “แอทโมซ”      เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการใช้ชีวิต ที่นี่ทำให้คุณเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง      มาร่วมค้นหาคำตอบของงานวิจัย ด้วยการเข้ามาใช้ชีวิตที่โครงการแอทโมซ ของแอสเซทไวส์   แล้วคุณจะค้นพบว่า…ธรรมชาติมีพลังบางอย่างที่เป็นหนึ่งเดียวกับคุณ และพร้อมจะเยียวยาให้คุณสุขกายสบายใจ โดยที่คุณไม่ต้องแสวงหาพื้นที่สีเขียวที่แสนไกล เพราะที่ “แอทโมซ” …ธรรมชาติอันบริสุทธิ์อยู่รอบตัวคุณทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 02 168 0000 หรือ Line : @assetwise       ขอบคุณข้อมูลงานศึกษาวิจัยและบทความจากเว็บไซต์ https://journals.sagepub.com/doi/10.1177/0956797612464659 และ https://www.naturalandorganic.com/health-beauty/nature-can-heal-soul/

Admin

October 9, 2020

GrowGreen

ASW Kick Off แนวคิดการทำธุรกิจแบบยั่งยืนใน Concept 𝗚𝗿𝗼𝘄𝗚𝗿𝗲𝗲𝗻 โดยการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “GrowGreen” จะประกอบด้วย 5 แกนหลัก ได้แก่ ภายใต้แนวคิด “GrowGreen” ของ แอสเซทไวส์ คือวิถีการดำเนินธุรกิจที่เกิดจากความตั้งใจในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสังคมที่เกื้อหนุนให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งในแง่ของการพักอาศัยที่สะดวกสบาย การใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และการมีจิตสำนึกต่อสังคม โดยจะคำนึงตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ทั้งในด้านการออกแบบ การลดการใช้ทรัพยากร รวมไปถึงการสร้างสำนึกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียเล็งเห็นเป้าหมายเดียวกัน และมีส่วนร่วมไปด้วยกันตลอดภารกิจนี้  โดยการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “GrowGreen” จะประกอบด้วย 5 แกนหลัก ได้แก่ 1.Green Space : การออกแบบและสร้างพื้นที่สีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้พักอาศัย โดยแอสเซทไวส์ใส่ใจทั้งเรื่องแบบแปลนโครงการ การเลือกชนิดของต้นไม้ที่ปลูก ไปจนถึงการคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อช่วยลดอุณหภูมิ และเพิ่มอากาศบริสุทธ์ นอกจากนี้ยังได้มีการทำวิจัยทดลองการทำสวนแนวตั้ง ทั้งการปลูกต้นไม้ริมระเบียง และกำแพงต้นไม้ที่อาคารสำนักงาน เพื่อนำไปปรับใช้ในโครงการต่าง ๆอีกด้วย 2.Energy Efficiency : การออกแบบก่อสร้างที่อยู่อาศัยโดยคำนึงถึงทิศทางของแสงและลม รวมถึงการใช้พลังงานให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์ บนดาดฟ้าของอาคารสำนักงาน เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด และมีแผนจะขยายการติดตั้งแผงโซลาร์ ไปยังโครงการต่าง ๆ ของแอสเซทไวส์ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการใช้ต้นไม้ช่วยลดทอนแสงแดดที่จะเข้าสู่ภายในอาคาร เพิ่มความร่มรื่น และลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ทำให้ใช้ไฟฟ้าลดลง 3.Waste Management : เพื่อให้การจัดการขยะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แอสเซทไวส์ได้ร่วมมือกับองค์กรด้านการบริหารการจัดการขยะ โดยได้มีการรณรงค์การแยกขยะก่อนทิ้งทั้งในอาคารสำนักงาน และในส่วนของลูกบ้านในโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถวัดผลได้จากปริมาณ Carbon Footprint ที่ลดลงทั้งในส่วนของอาคารสำนักงานและภายในโครงการ 4.Clean Air : แอสเซทไวส์ใส่ใจในเรื่องการมีอากาศที่สะอาด โดยเน้นการเลือกวัสดุก่อสร้างที่ลดปริมาณการสร้างมลพิษในอากาศ เช่น การใช้ผนังสำเร็จรูปที่เป็นวัสดุลดการก่อให้เกิดฝุ่นในกระบวนการทำงาน และการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีสารฟอร์มัลดีไฮด์ต่ำ อีกทั้งยังกำหนดให้ทุกขั้นตอนของการก่อสร้างมีหลักเกณฑ์ที่คำนึงถึงเรื่องของการป้องกันการสร้างมลพิษในอากาศอีกด้วย 5.Water Saving : การคำนึงเรื่องใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่การออกแบบพื้นที่สีเขียวในโครงการให้มีการใช้น้ำฝนมารดน้ำต้นไม้อย่างทั่วถึงในจุดที่ไม่ได้รับน้ำฝนโดยตรง และมีแผนการพัฒนาให้แต่ละโครงการมีระบบการนำน้ำที่ผ่านการใช้แล้วมาใช้ใหม่ รวมถึงยังมีการวางระบบการบำบัดน้ำเสีย และตรวจสอบค่าน้ำเสียให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก แอสเซทไวส์ […]

Admin

August 20, 2021

ใช้ประโยชน์จาก Rain garden

🌧 มาใช้ประโยชน์จาก Rain garden ในการดูดซับน้ำฝนกันเถอะ! . ช่วงนี้ฝนตกหนักทำให้นึกถึงหนึ่งในตัวช่วยซับน้ำฝน ที่ช่วยลดปัญหาการระบาย อย่าง “Rain garden” เลยล่ะ ซึ่งตัว Rain garden เนี่ยเรียกง่ายๆ ว่าเป็นสวนที่รองรับน้ำฝนโดยเฉพาะเลย เพราะจะช่วยพักและชะลอน้ำก่อนปล่อยให้น้ำไหลออกไปสู่ระบบระบายน้ำของเมือง . Rain garden คือการทำสวนเป็นแอ่งเพื่อให้น้ำไหลลงมารวมกัน โดยจะใช้ดินที่ระบายน้ำได้ดีและมีการปลูกต้นไม้หลากหลายพันธุ์ จำพวกไม้พุ่มคลุมดิน หรือต้นไม้เล็กๆ ที่ทนต่อทุกสภาพและดูดซับน้ำได้ดี เพื่อเพิ่มพื้นที่ระบายน้ำให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง นอกจากจะได้สวนที่ร่มรื่นสวยงาม เพิ่มออกซิเจนให้อากาศและระบายน้ำจากฝนได้ดีแล้ว ยังช่วยลดตะกอน หรือสิ่งปนเปื้อนที่เจือปนมากับน้ำ เช่น น้ำมันเครื่อง ได้อีกด้วยนะ ซึ่งเจ้าแนวคิด Rain garden จะเห็นได้ตามสวนในโครงการที่พักอาศัย และสวนสาธารณะนั่นเอง  . แล้วพื้นที่แบบไหนถึงจะเหมาะกับการทำ Rain garden ล่ะ❓  💚 ควรเป็นพื้นที่ ที่มีการระบายน้ำได้ดี 💚 บริเวณที่ว่าง เช่น ลานอเนกประสงค์ สวนสาธารณะ เมือง หรือหมู่บ้าน 💚 ควรปลูกพืชท้องถิ่นที่ทนแล้งในฤดูร้อนและทนน้ำในฤดูฝน 💚 ดินที่ใช้ควรซึมซับน้ำได้ดีและระบายได้เร็ว . ☁️ ซึ่งแนวคิด Rain garden ไม่ได้มีแค่ต่างประเทศเท่านั้นนะ แต่ในไทยก็มีเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสวนลุมพินี, สวนหลวง ร.9, อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สวนป่าในกรุง ต่างก็นำแนวคิดนี้ไปใช้และยังได้ผลดีด้วยนะ . เห็นไหมล่ะว่า Rain garden เป็นจุดรองรับน้ำฝนได้ดีขนาดไหน ลองคิดดูเล่นๆ สิ ถ้าเราศึกษาและเอา Rain garden ไปปรับใช้ในพื้นที่บริเวณบ้าน หรือพื้นที่สีเขียวในคอนโด นอกจากจะได้ความสบายตาแล้ว ก็อาจจะช่วยลดปัญหาน้ำที่รอการระบายได้ด้วย . #Growgreen #Raingarden

Admin

October 29, 2021

ไอเทมรักษ์โลกที่จะช่วยให้เราทุกคนสามารถช่วยลดขยะที่เกิดจากการซื้อของออนไลน์ได้

นักขายออนไลน์รู้ไหม? เราสามารถแพ็คสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย แต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้นะ!? เชื่อว่าหัวใจของการแพ็คสินค้าของหลาย ๆ ร้านคือการส่งสินค้าข้างในให้ถึงมือผู้บริโภคโดยไม่บุบสลายไประหว่างการขนส่ง แต่ในหลาย ๆ ครั้ง เรา “overprotective” ไปหรือเปล่านะ? วันนี้เราจะมาแชร์ทริคง่าย ๆ ที่ทำให้การห่อพัสดุครั้งต่อไปได้ใจทั้งลูกค้าและโลกกัน เริ่มจากชั้นนอกก่อนเลย “หีบห่อพัสดุ” ควรเลือกให้เหมาะสมทั้งขนาด: จำเป็นไหมที่ของเท่าฝ่ามือ แต่กล่องใหญ่เท่าแขน!?วัสดุ: ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกที่ไม่ย่อยสลายหรือกระดาษที่ใช้พลังงานมากในการผลิต แต่สองอย่างบน สามารถรีไซเคิลได้ หลีกเลี่ยงซองที่บุกันกระแทก เพราะจัดการยากมาก จริง ๆ กล่องลังเดิมสามารถกลับด้านเพื่อนำมาใช้ใหม่ได้นะรูปร่าง: ถ้าต้องการส่งกระดาษที่ไม่อยากให้ยับ แนะนำให้ม้วนใส่กระบอก จะปกป้องได้ดีกว่า ไม่ต้องเปลืองวัสดุกันกระแทกด้วย หรือส่งหนังสือด้วยกล่องที่ขนาดพอดี และปกป้องมุมสันหนังสือเป็นพิเศษ แค่นี้ก็หายห่วง “เทป” ถ้าเลือกได้ให้เลือกเทปกระดาษคราฟท์แทนเทปพลาสติก และถ้าต้องเป็นพลาสติก ให้เลือกแบบที่ลอกออกได้ง่าย หากไม่จำเป็น ควรเลี่ยงการพันเทปรอบบับเบิ้ล เพราะนอกจากจะแกะยากชวนให้ลูกค้าหงุดหงิดแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อการนำกลับมาใช้ใหม่หรือนำไปรีไซเคิลสุด ๆ “วัสดุกันกระแทก” ตัวเลือกขึ้นชื่อคงหนีไม่พ้นเจ้า “บับเบิ้ล” แต่ทุกวันนี้เราใช้อย่างเหมาะสมแล้วหรือเปล่านะ เช่น ถ้าเป็นของที่นุ่ม ๆ ต้องหุ้มห่อไหม? หรือ เราใช้เยอะเกินไปหรือเปล่า? สำหรับพัสดุที่ควรได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ วันนี้เรามี 2 ตัวเลือกที่จะช่วยให้กันกระแทกอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาแนะนำ (อ่านต่อในรูปย่อยเลย) นอกจากนั้นแล้ว การรียูสวัสดุที่ยังสภาพดีก็ช่วยลดต้นทุนได้เหมือนกันนะ แต่สำคัญที่สุด!อย่าลืมสื่อสารกับลูกค้าอย่างจริงใจ ว่าเรากำลังทำเพื่อลูกค้าและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของลูกค้าอยู่ โปรดเข้าใจว่า ถ้ากล่องพัสดุไม่ได้ใหม่กิ๊ง วัสดุกันกระแทกไม่ได้ถูกห่อเป็นสิบชั้น แต่ของข้างในยังปลอดภัยดี ก็ขอรีวิว 5 ดาวให้กันเหมือนเดิม ถ้ายังเปลี่ยนแปลงเรื่องวัสดุไม่ได้ แนะนำให้บอกวิธีทิ้งแนบไปกับพัสดุด้วยถ้าใช้บับเบิ้ลหรือถุงลมกันกระแทก ให้ลอกเทปออกแล้วนำไปหย่อนตู้ที่จุด Drop-Off โครงการวนและโครงการส่งพลาสติกกลับบ้าน กล่องพัสดุ ขายได้ หรือฝากแม่บ้านทิ้งก็ได้ ลอกเทปพลาสติกออกก่อนจะรีไซเคิลง่ายขึ้นส่วนอื่น ๆ ที่ไม่มีที่ไป เช่น เทป โฟมชิ้นเล็ก สามารถรวบรวมแล้วส่งให้ N15 Technology เพื่อทำ Waste to Energy ได้ มาสร้างรายได้อย่างยั่งยืนและส่งมอบกำไรคืนสู่สังคมได้ง่าย ๆ แค่เริ่มส่งพัสดุแบบเป็นมิตรกับทุกคนกันเถอะ!

Admin

December 15, 2021

น้ำฝนเม็ดเล็กๆ เนี่ย มีความลับที่น่ากลัวซ่อนอยู่เหมือนกันนะ

ฮัดชิ้ว  เริ่มจะเข้าหน้าหนาวแล้ว แต่ฝนยังตกไม่หยุดเลย รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่าว่าปีนี้ฝนตกนานกว่าทุกปีเลยเนอะทุกคน แต่ทุกคนรู้ไหมว่าในน้ำฝนเม็ดเล็กๆ เนี่ย มีความลับที่น่ากลัวซ่อนอยู่เหมือนกันนะ เพราะในน้ำฝน 1 หยด  ไม่ได้มีแค่น้ำเปล่าเพียวๆ เท่านั้น แต่มีทั้งเชื้ออีโคไล (E. coli) ที่ทำให้ท้องร่วง, เชื้อไวรัสอินฟลูเอนซาที่ทำให้เราไม่สบายได้ แถมยังมีทั้งฝุ่นพิษ PM 2.5และมลพิษที่ลอยอยู่ในอากาศแล้วเกาะมากับน้ำฝนอีกด้วย ยิ่งใครที่อยู่ใกล้เขตโรงงาน หรือที่ที่มีการใช้รถเยอะๆ  ก็ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะจะมีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และไนโตรเจนออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้มากกว่าปกติ ซึ่งก๊าซเหล่านี้ถ้ามารวมกับน้ำฝนเยอะๆ จะทำให้เกิดฝนกรดได้อีกด้วยนะ และเจ้าฝนกรดเนี่ยแหละถือว่าเป็นศัตรูตัวร้ายทั้งกับคน สัตว์ ธรรมชาติ และอาคารต่างๆ เลยล่ะ  หากฝนกรดโดนคนหรือสัตว์ก็จะทำให้ระคายเคืองผิวหนัง จมูก และดวงตา ในกรณีร้ายแรงอาจทำให้บริเวณที่โดนฝนปวดแสบปวดร้อนได้เลย  แต่ถ้าหากฝนกรดโดนพื้นดินหรือต้นไม้ จะทำให้ดินเป็นกรด ต้นไม้ก็จะโตช้า ถ้าเจอฝนกรดที่เข้มข้น จะทำให้พืชตายได้อีกด้วย  และถ้าฝนกรดโดนอาคารบ้านเรือน ก็จะทำให้อาคารบ้านเรือนเสื่อมสภาพทรุดโทรมไวขึ้น เหมือนที่ทัชมาฮาลเจอมลภาวะและปัญหาฝนกรดมาหลายปี จนกลายเป็นสีเหลืองหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัดยังไงล่ะแต่ว่าเรื่องของฝนกรด ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ขนาดนั้นหรอกนะ อย่าเพิ่งระแวงไปว่าเราต้องห้ามโดนฝนเด็ดขาด เพราะฝนกรดเข้มข้นไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เอาเป็นว่าแค่เราป้องกันตัวเอง ระวังให้มากขึ้นก็พอแล้ว แต่เรื่องที่ต้องกังวลคือน้ำฝนที่ปนเปื้อนต่างหากล่ะ จำเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานพลาสติกได้ไหม นั่นแหละที่น่ากลัว เพราะฝนปนเปื้อนทั้งสารเคมี และฝุ่นควันจากการเผาไหม้ที่สูงมากๆ บอกเลยว่าส่งผลต่อผิวหนังและระบบหายใจเราของเต็มๆ แต่ใช่ว่าน้ำฝนทั่วไปจะไม่มีการปนเปื้อนนะ ที่จริงในน้ำฝนทุกที่มีการปนเปื้อนไม่มากก็น้อยแหละ ถ้าเราควรระวังไว้ก่อน หากโดนฝนเมื่อกลับบ้านควรรีบอาบน้ำ สระผมเพื่อชำระสิ่งสกปรกแล้วเช็ดตัวเป่าผมให้แห้งก็โอเคแล้ว คงไม่มีใครอยากเป็นหวัดในช่วงโควิดแบบนี้ใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าใครยังกลับบ้านไม่ได้ แต่ตากฝนไปเรียบร้อยแล้ว ควรหาที่หลบฝนก่อน แล้วเช็ดตัวให้แห้ง ก่อนกลับบ้านไปอาบน้ำสระผมอีกที และถ้าต้องใช้น้ำฝนในการดื่มกินก็ไม่ควรรองน้ำฝนที่ตกมาใหม่ๆ ทันทีนะ แต่ควรรองน้ำฝนที่ตกมาสัก 3-4 วันก่อน แล้วกรองน้ำโดยใช้ภาชนะที่สะอาดปลอดเชื้อโรคในการกรอง เช่น เหยือกกรองน้ำ หรือ หลังจากรองน้ำฝนแล้ว ปล่อยน้ำทิ้งไว้ 1 วันเพื่อให้วัตถุหนักในน้ำจม แล้วค่อยเอามาต้มให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียก่อนนำมาใช้ดื่มกินกันด้วยน้า

Admin

December 15, 2021

แล้วทำไมพื้นที่สีเขียวถึงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้?”

เคยไหมที่ WFH แล้วรู้สึกปวดเมื่อย เหนื่อยล้าทั้งกายและใจจนอยากละสายตาจากการทำงานและหนีจากห้องสี่เหลี่ยม รู้ไหมว่าการออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ภายใต้ร่มเงาในพื้นที่สีเขียวช่วยได้ !! ทุกคนคงสังเกตได้ว่าหนึ่งในส่วนกลางที่ทุกคอนโดมีให้กับลูกบ้านคือพื้นที่สีเขียว แต่จะมีขนาดเท่าไหร่ มีพันธุ์ไม้อะไรบ้างก็ขึ้นอยู่กับแต่ละที่จะออกแบบ “แล้วพื้นที่สีเขียว ควรจะมีขนาดเท่าไหร่?” เกณฑ์ขั้นต่ำจะอ้างอิงจากพ.ร.บ. ควบคุมอาคาร โดยมีวิธีคำนวณง่าย ๆ คือขั้นแรกเลย เราจะคิดพื้นที่สีเขียวทั้งหมดจากจำนวนคนที่ใช้งานอาคาร รวมทั้งเจ้าหน้าที่และลูกบ้าน โดยตั้งไว้ว่า 1 คนจะต้องมีพื้นที่สีเขียว 1 ตร.ม. ต่อมา เราจะต้องมีพื้นที่สีเขียวบนดิน/ชั้นล่าง มากกว่า 50% ของพื้นที่สีเขียวทั้งหมด ส่วนที่เหลือสามารถเป็นพื้นที่สีเขียวบนอาคารได้ สุดท้าย ในพื้นที่สีเขียวบนดิน จะต้องมีพื้นที่สีเขียวยั่งยืนหรือพื้นที่น้ำซึมผ่านได้ เพื่อปลูกไม้ยืนต้นโดยไม่มีพื้นดินคอนกรีตด้านล่าง เพื่อให้รากสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ โดยเลือกคำนวณจาก 1) จำนวน 25% ของพื้นที่สีเขียวทั้งหมดหรือ 2) มากกว่า 10% ของที่ดินทั้งหมด (เลือกแบบที่คำนวณได้พื้นที่สีเขียวมากกว่า) กลับมาที่ “แล้วทำไมพื้นที่สีเขียวถึงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้?” นอกจากเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาว่า “ต้องมี” การออกแบบพื้นที่สีเขียวด้วยความใส่ใจจะทำให้ลูกบ้านได้ประโยชน์จากพื้นที่นี้อย่างเต็มที่ เช่นเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของทุกคนช่วยฟอกอากาศภายในคอนโด และยังช่วยดูดซับคาร์บอนลดโลกร้อนได้อีกด้วยพื้นที่สีเขียวยั่งยืนมีส่วนช่วยอย่างมากในช่วงฝนตกน้ำท่วม เพราะช่วยเก็บน้ำไว้จำนวนหนึ่ง และยังช่วยดักจับไขมันหรือสารพิษ เช่น น้ำมันเครื่อง สารเคมีที่มากับน้ำไว้อีกด้วย และจะยิ่งดีเข้าไปอีก หากมีการร่วมออกแบบการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ หลังจากที่ได้รู้ว่าพื้นที่สีเขียวดีอย่างไรแล้ว เราอยากชวนทุกคนลงมาพักผ่อนกับพื้นที่สีเขียวกันหาเวลาสัก 30 นาทีหรือเมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกอยากให้ธรรมชาติซับความไม่สบายใจให้พาตัวเองเดินช้า ๆ สำรวจพันธุ์ไม้รอบตัว ฟังเสียงนกร้องหรือบรรยากาศรอบข้าง ทิ้งตัวลงบนม้านั่งและทอดสายตาไปกว้าง ๆ อาจจะฟังเสียงฝนปรอย ๆ ใต้ร่มไม้ไปด้วย (อย่าลืมพกร่มติดตัวไปด้วยนะ) หากกำลังมองหาคอนโดเพื่ออยู่อาศัย อย่าลืมดูเรื่อง “พื้นที่สีเขียว” กันด้วยนะ หรือถ้าอยากรู้ว่าที่คอนโดของเพื่อน ๆ มีปลูกพันธุ์ไม้อะไรที่ตรงไหนบ้าง สามารถดูได้จากรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (หรือ รายงาน EIA: Environmental Impact Assessment) ของแต่ละโครงการ (ตัวอย่าง: โครงการ Modiz Sukhumvit 50 https://docdro.id/YCtlsGp) หากสงสัยว่า EIA คืออะไร ติดตาม GrowGreen รอไว้ได้เลย ที่ AssetWise […]

Admin

December 15, 2021

โครงการ Plant for the Planet ปลูกเพิ่ม เพื่อลดอุณหภูมิ

บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สำนักงานสวนสาธารณะ สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ขอเชิญทุกท่านร่วมกิจกรรมเพาะกล้าไม้ ในโครงการ Plant for the Planet ปลูกเพิ่ม เพื่อลดอุณหภูมิ . ณ ศูนย์กีฬารามอินทรา แผนที่ : https://goo.gl/maps/v6XauRcjXidGf7kp9 วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2565 เวลา 8:30 – 10:30 น. . ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมผ่าน Line OA : @aswgrowgreen #Growgreen#AssetWise#WeBuildHappiness

Admin

February 24, 2023

ASW จัดกิจกรรม “ขยะอันตราย แลกโดนัท”

แอสเซทไวส์ ใส่ใจโลก จัดกิจกรรม “ขยะอันตราย แลกโดนัท” อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 8 ส่งเสริมให้พนักงานแยกขยะอันตราย ไม่ทิ้งรวมกับขยะประเภทอื่น ๆ และนำส่งกำจัดอย่างถูกวิธี สามารถรวบรวมขยะอันตรายได้ถึง 5.1 กิโลกรัม โดยขยะอันตรายที่พบคือ กระป๋องสเปรย์ ยาหมดอายุ ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ เป็นต้น และมีกิจกรรม “Refill station” ด้วย โดยให้พนักงานเตรียมภาชนะส่วนตัวมากดน้ำยา เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่เหลวล้างมือ เป็นต้น เพื่อเป็นการลดบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ก่อให้เกิดขยะเพิ่ม #webuildhappiness#PunnbyAssetWise#growgreen #savetheworld#ขยะอันตราย#Refillstation

Admin

February 24, 2023

ASW เราดำเนินธุรกิจเพื่อให้ชีวิตและโลกนี้ดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

ASW เราดำเนินธุรกิจเพื่อให้ชีวิตและโลกนี้ดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน โดยใช้นโยบาย #Growgreen เป็นหลักในการดำเนินงานทุกกระบวนการ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน . โดยที่สำนักงานใหญ่และสำนักงานโครงการ เรามุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นองค์กร #CarbonNeutral และได้รับการรับรองอาคารลดคาร์บอน ผ่านการทำกิจกรรมเหล่านี้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง . มีการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด (Solar Cell) ในสำนักงานใหญ่ และโครงการ เพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้ สร้างอากาศที่บริสุทธิ์ คิดเพื่อโลกมากขึ้น ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มีการจัดการขยะที่ครอบคลุมทุกประเภท . #AssetWise #WeBuildHappiness

Admin

February 24, 2023

แอสเซทไวส์ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร ปลูกต้นไม้ที่สวนเบญจกิติ

#ASWPlantforthePlanet แอสเซทไวส์ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โดยมีคณะผู้บริหาร พนักงาน ผู้บริหารจากสำนักสิ่งแวดล้อม และพันธมิตร พระครูธรรมรัต (ธนัญชัย เตชปัญโญ) จากวัดญาณเวศกวัน พระครูใบฎีกาสันติ กิตฺติโสโณ จากวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย มูลนิธิหอจดหมายเหตุ พุทธทาส อินทปัญโญ มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ และกลุ่มอยู่เย็น เป็นประโยชน์ ร่วมกันปลูกต้นไม้ (ต้นกากะทิง) ที่สวนเบญจกิติ จำนวน 50 ต้น “Plant for the Planet” ปลูกเพิ่มเพื่อลดอุณหภูมิ ภารกิจกู้โลก ปลูกต้นไม้ 433 ต้น/คน ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อไม่ให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศา ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ Green Bangkok 2030 เพิ่มพื้นที่สีเขียวของกรุงเทพมหานคร ให้เทียบเท่ามาตรฐาน WHO คืออย่างน้อย 9 ตรม.ต่อคน นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับแนวทางการสร้างถิ่นรมณีย์ ให้ธรรมชาติที่สมบูรณ์กลับคืนมา อันเป็นธรรมะพื้นฐานที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ชวนให้ปฏิบัติกัน ต้นไม้ที่ปลูกทุกต้น จะถูกบันทึก และติดตามได้ผ่าน Line OA : aswgrowgreen . เพราะการดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง เราทุกคนมีส่วนช่วยโลกนี้ไปด้วยกัน #Growgreen #AssetWise #WeBuildHappiness

Admin

February 24, 2023
1 2
ค้นหา

โครงการที่คุณอาจสนใจ

Sign up for Newsletter

Please Fill in your E-mail